ก่อนที่ผมจะเลือกเรียนคณิตศาสตร์ประกันภัย ผมได้ใช้เวลาศึกษาและพูดคุยกับ Dr. Ostaszewski ที่ Illinois State University สิ่งที่ผมจำและเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเลือกเรียนที่ ISU ก็คือคำพูดของ Dr. Ostaszewski แกเป็นคนที่ฉลาด และอยากทำให้โปรแกรมที่ ISU เป็นโปรแกรมที่ดีที่สุดในโลก แต่แกไม่แคร์เลยว่าใครจะเก่งมาจากไหน สิ่งหนึ่งที่แกพูดตั้งแต่วันแรก ที่จริงก่อนที่ผมจะเลือกเรียนที่ ISU ด้วยซ้ำ คือถ้าคิดจะเรียนด้านนี้ ต้องทิ้งเกือบทุกอย่างเพื่อตั้งใจอ่านหนังสือ จะไม่ได้มีเวลาเที่ยวเล่นกลางคืนเหมือนเพื่อนเขา อาจไม่มีเวลามีแฟนด้วยซ้ำ แก่จะขู่ตลอดว่าเรียนด้านนี้หนักแค่ไหน ผมคิดว่าข้อนี้เป็นข้อสำคัญทีทุกคนควรเข้าใจนะครับ การสอบ Actuary Exam ไม่ใช่ข้อสอบที่ง่าย 1 ช่วงที่เปิดสอบ มีคนสอบเป็นพันพันคนทั่วโลก แต่มีคนผ่านครั้งละไม่เกิน 40% บางครั้งไม่ถึง 30% ด้วยซ้ำ
ผมคิดว่ามีคน 2 ประเภทที่สามารถสอบ Actuary Exam ผ่าน:
- คนที่มีไหวพริบดี/เรียนรู้เร็ว: ผมคิดว่าคนที่เก่งเลขส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มนี้อยู่แล้ว ไหวพริบเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการสอบมีเวลาไม่มากนัก ต้องคิดเร็ว ทำเร็ว
- คนที่ขยัน: ข้อนี้สำคัญมาก ที่ผมเคยเห็นมา บางคนไม่ได้เก่งเลขหรือไหวพริบดีมากนัก แต่อ่านหนังสือเยอะ ก็สามารถสอบผ่านได้ คนที่ไหวพริบดีจริง พอถึง Upper Level Exams ก็ต้องปรับตัวเองให้ขยันเหมือนกัน ไหวพริบอย่างเดียวช่วยไม่เยอะเลย
เมื่อก่อน ในอเมริกา การเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัยไม่จำเป็นต้องมีปริญญาตรีด้วยซ้ำ ถ้าสามารถผ่านข้อสอบได้ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องมีปริญญาตรี แต่ปริญญาโทนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่เลย ผมหวังว่าผมจะให้ข้อมูลทุกคนได้ว่าการหางานนั้นเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมยังไม่เคยทำงานด้านนี้ที่เมืองไทย เลยไม่สามารถให้ข้อมูลด้านนี้ได้มากนัก แต่ในอเมริกานั้น การหาการฝึกงาน บริษัทส่วนใหญ่จะดูนักเรียนที่มี 1 ข้อสอบขึ้นไป ถ้าบริษัทใหญ่หน่อยก็ต้องมี 2 ข้อสอบ ส่วนการหางานหลังจบแล้วนั้น ก็ประมาณเดียวกัน 1 ข้อสอบ 2-3 ข้อสอบสำหรับบริษัทใหญ่ แต่สิ่งที่คนนอกอาจจะไม่รู้สำหรับการหางานในอเมริกานั้นก็คือความคิดของคนที่นี่ หลายคนอาจคิดว่าผ่านหลายข้อสอบนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ที่จริงแล้วมันคือดาบสองคม ถ้าเราผ่านข้อสอบ Preliminary ทั้งหมด 5 ตัว แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การฝึกงานเลย เราอาจจะตกอยู่ในกลุ่มที่บริษัทยกว่าอันตรายเกินไป เพราะเขาจะถือว่าเขาต้องจ่ายค่าตัวเราแพง แต่ว่าไม่มีประสบการณ์ที่จะมาช่วยบริษัทเขาได้เลย เขาก็อาจจะเลือกคนที่ผ่านข้อสอบน้อยกว่า แต่มีประสบการณ์เพราะค่าตัวนั้นจะถูกกว่า ที่อเมริกานี้เขาถึงแนะนำการผ่าน 2-3 ข้อสอบถ้าไม่มีประสบการณ์ แต่ถ้ามีแล้วก็เยียบคันเร่งเต็มที่เลยครับ แต่ไม่ควรสอบ Upper Level Exam ก่อนทำงาน Full time นะครับ ไม่ใช่แค่ฝึกงานครับ เพราะข้อสอบพวกนี้ต้องสอบพร้อบประสบการณ์การทำงานจริงๆ