Monday, January 18, 2016

CAS vs SOA: ความแตกต่างระหว่าง CAS และ SOA

     สวัสดีครับทุกคน ไม่ได้เขียนอะไรนานเลย มีคนถามมาว่า CAS และ SOA ต่างกันยังไง วันนี้ผมเลยจะมาเขียนอธิบายเรื่องนี้ละกันนะครับ
     อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าทั้งสององค์กรนี้เป็นองค์กรที่ก่อตั้งอยุ๋ในสหรัฐอเมริกา ถ้าเราสังเกตดู ประเทศส่วนใหญ่นั้นจะมีแค่องค์กรเดียวดูแลการศึกษาของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยทั้งทาง Life และ P&C (CIA ของ คานาดา, IFoA ของ อังกฤษ, Actuaries Institute ของ ออสเตรเลีย) แต่ของอเมริกานั้นจะมี 2 องค์กร 
     Casualty Actuarial Society (CAS) จะโฟกัสการศึกษาของประกันภัย และ SOA จะโฟกัสการศึกษาของประกันชีวิต 

Qualifications: 

     ทั้ง 2 มี Preliminary Exams ที่คล้ายๆกัน ซึ่งก่อนปี 2013 ทั้ง 2 องค์กรได้ช่วยกันดูแลการสอบของ Preliminary Exams (P, FM, MFE และ C) แต่ 1 Preliminary exam ที่ต่างกันก่อนหน้านี้คือ MLC vs 3L ซึ่ง MLC จะโฟกัสเรื่องของประกันชีวิต ซึ่งถ้าใครได้สอบมาแล้วจะรู้ แต่ 3L ของ CAS นั้นตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น S เรียบร้อยแล้ว และโฟกัสไปทางการใช้ Statistics 
     หลังจาก Preliminary Exams แล้ว นักเรียนทางด้าน SOA ก็ถือว่าเกือบจะได้ Associateship แล้ว เหลือแค่การทำ Online Course for Fundamental Actuarial Practice และ Associateship Professional Course ซึ่งผมต้องขออภัยด้วยถ้าไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับ 2 อย่างนี้ได้ แต่จากที่สังเกตจากเพื่อนที่ไปทาง SOA ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีหลังจากผ่าน Preliminary Exams หมดแล้ว แต่ส่วนทางด้าน CAS นั้น นักเรียนยังต้องผ่าน Exam 5 และ 6 ก่อน รวมทั้งยังต้องผ่านขอสอบ Course 1 และ 2 และต้องไปสมนา Course on Professionalism ก่อนถึงจะ fulfill ทุกอย่างเพื่อที่จะได้ Associateship Exam 5 และ 6 นี้ก็ไม่ได้ง่ายกว่า Preliminary Exams ที่ผ่านมาเลย และยังเป็นข้อสอบเขียนอีก
     หลังจากได้ Associateship แล้ว หนทางการเป็น Fellowship ของทั้ง 2 องค์กรก็ต่างกัน สำหรับ SOA นักเรียนที่ทำงานต่างสาขาจะสอบไม่เหมือนกัน (Health vs Life vs Pension vs Finance) ส่วน CAS นั้นไม่มีให้เลือก ทุกคนต้องสอบ Exam 7, 8, และ 9 ถึงจะได้เป็น FCAS จากที่เห็นมา นักเรียนจะใช้เวลาเป็น FSA น้อยกว่า FCAS ซึ่งผมไม่รู้เวลาของ FSA แน่นอน แต่สำหรับ FCAS นั้นจะ average ราวๆ 8-10 ปีจากข้อสอบแรกถึงการเป็น Fellowship* 

งาน

     อย่างที่ผมได้เกิ่นก่อนหน้านี้ CAS นั้นโฟกัสเรื่องของประกันภัย และ SOA จะโฟกัสเรื่องของประกันชีวิต สำหรับนักเรียนที่ทำงานในบริษัทประกันภัย (Property & Casualty Insurance) ไม่ว่าจะเป็นประกันระดับ Personal Insurance (เช่นประกันรถยนต์ส่วนตัว ประกันบ้าน) ระดับ Commercial Insurance (เช่นประกัน General Liability, Commercial Autos, Workers Compensation) หรือระดับ Reinsurance จะต้องศึกษาข้อสอบของ CAS และสอบเพื่อเป็น FCAS 
     ส่วนนักเรียนที่ทำงานด้าน ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ คิดเงินบำนาญ หรือ Annuities จะต้องสอบข้อสอบของ SOA เพื่อเป็น FSA

General Insurance Track by SOA

     ผมไม่แน่ใจว่าทุกคนได้ทราบหรือไม่ในการแยกทางของ 2 องค์กร ในท้ายปี 2012 SOA ได้ส่งจดหมายไปที่ CAS ประกาศยกเลิกการร่วม Preliminary Exams ถ้าใครได้สอบ Preliminary Exams ก่อน 2012 จะเห็นใบ Print-out หลังสอบเสร็จ มี 3 ตราประทับอยู่ (SOA, CAS, และ CIA) และหลัง 2012 จะเหลือแค่ 2 ตรา (SOA และ CIA) แม้ว่า SOA จะไม่ยอมร่วมมือกับ CAS แล้ว CAS ก็เห็นว่านักเรียนที่ยังเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นยังไม่สำควรที่จะต้องเลือกว่าตัวเองอยากเรียนทางไหน (Life vs P&C) จึงยอม waive ข้อสอบ P, FM, MFE และ C ของ SOA**
     เหตุผลที่ SOA ต้องการแยกทางกับ CAS เพราะว่า SOA นั้นต้องการที่จะขยายตัวเองโดยการเข้ามาในประกันภัย (P&C) ซึ่งหลังจากแยกทางกันไม่นาน SOA ก็ได้ประกาศออกข้อสอบ General Insurance Track สำหรับในอเมริกานั้น ยังไม่มีบริษัทประกันภัยบริษัทไหน (ที่ผมได้ยินมา) ยอมรับ GI Track ของ SOA ทุกบริษัทยังต้องการให้นักเรียนสอบเพื่อเป็น FCAS อยู่
     ยังไงก็แล้วแต่ในตอนนี้ CAS ก็ยังเป็นที่ยอมรับอันดับต้นๆขององค์กรที่มีประสิทธิภาพในการสร้างนักคณิตศาสตร์ประกันภัยทั่วโลก แม้แต่ในประเทศสิงคโปร์ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยต้องมี FCAS เท่านั้นถึงจะรับรอง Loss Reserves สำหรับบริษัทประกันภัย (P&C) ได้***

ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้ายังมีอะไรสงสัยอยู่ก็ถามมาได้เลยนะครับ

Sources:

14 comments:

  1. "แม้แต่ในประเทศสิงคโปร์ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยต้องมี FCAS เท่านั้นถึงจะรับรอง Loss Reserves สำหรับบริษัทประกันภัย (P&C) ได้"
    I'm afraid this is incorrect. P&C reserves can be signed off by FIA/FIAA/FSA/FCAS; however, FCAS can ONLY sign off P&C reserves, not Life reserves.
    Wish you all the best with exams. Every cloud has a silver lining :)

    ReplyDelete
    Replies
    1. Hi Khun Songphol,
      My apology if I've misinterpreted it. I'll take your word for it, since you work in Singapore :)
      So, can any FIA/FSA sign off on P&C reserves in Singapore? Or just those with GI track and experience within the line of businesses?

      And after reading some Exam 9 materials right now, I'll take everything I get, thank you!!

      Delete
  2. ขอสอบถามเรื่องการต่อโทหน่อยได้ไหมครับ? ว่ามีประโยชน์อะไรไหมถ้าผมเรียนป.ตรี actuarial แล้วไปต่อโท financial engineering หรือเรียนแค่จบป.ตรีทำงานหาประสบการณืแล้วตั้งใจอ่านหนังสือสอบอย่างเดียวพอ?

    ReplyDelete
  3. ขอสอบถามเรื่องการต่อโทหน่อยได้ไหมครับ? ว่ามีประโยชน์อะไรไหมถ้าผมเรียนป.ตรี actuarial แล้วไปต่อโท financial engineering หรือเรียนแค่จบป.ตรีทำงานหาประสบการณืแล้วตั้งใจอ่านหนังสือสอบอย่างเดียวพอ?

    ReplyDelete
  4. อยากสอบถามหน่อยครับถ้าเรียนป.ตรี actuarial แล้วไปต่อโท financial engineer นี่มีประโยชน์ไหมครับ?หรือแค่จบป.ตรีแล้วเน้นหาประสบการณ์การทำงานกับอ่านหนังสือสอบดีกว่า?

    ReplyDelete
    Replies
    1. ผมคิดว่าแล้วแต่ว่าคุณต้องการจะทำอะไรนะครับ ถ้าอยากที่จะเป็น Actuary แล้วเรียนป.ตรี Actuarial Science มาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องต่อโทแล้วครับ เพราะ Upper Level Exams นั้นจะสอนและทดสอบคุณทุกอย่างที่คุณครวญรู้อยู่แล้ว เช่นถ้ามาทาง Non-Life อย่างผม เพื่อที่จะเป็น FCAS คุณต้องสอบ Exam 9 ซึ่งเกี่ยวกับ Investment โดยตรง คุณอาจจะไม่เรียนรู้ลึกเท่ากับไปต่อ Financial Engineering แต่คุณก็จะได้พื้นฐานด้านนี้มาบ้าง หรือว่าถ้าคุณไปทาง Finance track ของ SOA คุณก็ต้องสอบข้อสอบที่ผมคิดว่าคล้ายๆ CFA Exams
      ยังไงก็แล้วแต่ การที่จะเป็น Actuary เต็มตัวได้ก็ต้องมี Fellowship ซึ่งกว่าจะสอบผ่านหมดก็ใช้เวลาไปหลายปีอยู่แล้วครับ ที่ US นี่ คนที่เรียนโท Actuarial ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่ได้เรียนตรี Actuarial มา
      และส่วนพวกที่เรียน Financial Engineering ส่วนใหญ่จะไปเป็น Quant ก็คือพวกที่ทำงานใน Wall Street ครับ ผมก็เคยคิดอยากเรียน (ถึงกับหาโรงเรียนแล้วด้วย) เงินดี แต่ก็คิดว่าคงไม่ stable เท่ากับ actuary ครับ แล้วก็งานน่าจะเครียดกว่าเยอะ
      อย่างผม ถ้าผมได้ FCAS มาแล้ว แล้วผมคิดจะเรียนต่อจริงๆ ก็อยากเรียน MBA มากกว่าครับ เพราะคิดว่ามันจะช่วยให้เราเจริญเติบโตได้มากกว่าครับ

      Delete
    2. คำตอบละเอียดมากๆครับ ขอบคุณมากครับ

      Delete
  5. อยากให้รีวิวตั้งแต่ EXam S ขึ้นไปด้วยครับพอดีอยู่ฝั่งวินาศภัยอยู่กำลังไล่สอบครับ
    การเตรียมตัว ความยาก ข้อมูลการวางแผนลงสอบ อ่านแล้วชอบมากเลยครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. สวัสดีครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ตอบช้าไปหน่อย ตอนนี้กำลังเตรียมสอบ Exam 8 อยู่ เลยยุ่งๆนิดหน่อยครับ
      ผมได้เขียนเกี่ยวกับ Upper Level Exams ใว้ในอีกบล็อกหนึ่ง http://kwactuary.blogspot.com/2016/06/studying-for-upper-level-exams-upper.html
      ส่วน Exam S ผมไม่เคยสอบครับ ตอนนั้นที่ผมผ่าน MLC CAS ยังยอมรับข้อสอบนั้นอยู่ ผมก็เลยได้ credit สำหรับ Exam S เลยครับ

      Delete
    2. ขอบคุณมากครับ ถ้าว่างรบกวนเขียนรีวิวการสอบ course online 1,2 (หนังสือมีกี่หน้า ข้อสอบมีกี่ข้อ เป็นยังไงบ้าง )กำลังเตรียมตัวสอบครับ อยากได้ทั้งหนังสือ และแนวการทำโจทย์ด้วยครับ (meedech_poon@hotmail.com)

      Delete
    3. ได้เลยครับ ตอนนี้กำลังเขียนให้อยู่นะครับ
      ขอบคุณครับ

      Delete
    4. ผมได้ตอบไปแล้วในโพสท์ใหม่นะครับ
      http://kwactuary.blogspot.com/2016/12/cas-online-courses.html

      ขอบคุณครับ

      Delete
  6. Phatchara PlypichitOctober 1, 2016 at 8:20 PM

    สวัสดีครับ อยากจะสอบถามครับ พอดีผมมาเรียนโท บริหารความเสี่ยงที่อเมริกา แล้วกำลังสนใจอยากสอบ Exam-P กับ Exam-FM เรื่องการเตรียมตัวนี่เนื้อหาลึกประมาณไหนครับ ถ้าสมัครสอบจากของ SOA ก็ใช้ได้เหมือนกันหรือไม่ครับ ไม่ทราบว่ามีช่องทางติดต่อทางอีเมล์หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. สวัสดีครับ เนื้อหา 2 ตัวนี้ไม่ค่อยลืกเท่าไหร่ครับถ้าเทียบกับตัวอื่นแล้ว แต่ก็สมครวญอ่านอย่างน้อย 250-300 ชั่วโมงอยู่ดีครับ ถ้าในอเมริกา 1/P, 2/FM, 3F/MFE, 4/C ต้องสอบของ SOA ครับ CAS ไม่มีข้อสอบ 4 ตัวนี้ครับ เป็นการให้เครดิตแทนครับ ติดต่อผมที่ weeraklaewk@gmail.com ได้ครับ

      Delete